รูปแบบการเพิ่มของประชากร

นักนิเวศวิทยาได้นำแบบแผนทางคณิตศาสตร์ที่อธิบายการเพิ่มของประชากรจากรูปแบบการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตทั้ง 2 แบบนั้นซึ่งแบบแผนทางคณิตศาสตร์นี้ช่วยให้สามารถทำนายแนวโน้มของการเพิ่มของประชากรได้ แบบแผนการเพิ่มของประชากรมี 2 รูปแบบ ซึ่งนักเรียนจะได้ศึกษาดังต่อไปนี้
22.3.1 การเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล การเพิ่มจำนวนประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียล (exponential growth) หรือแบบทวีคูณนั้น พบได้ในสิ่งมีชีวิตที่มีการสืบพันธุ์เพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตในแต่ละรุ่น ดังเช่นพวกแมลงต่างๆ เมื่อตัวเมียวางไข่แล้วก็ตาย กราฟตัวอย่างของการเพิ่มของประชากรสิ่งมีชีวิตแบบเอ็กโพเนนเชียล ดังแสดงในภาพที่ 22-8
.jpg)
ภาพที่ 22-8 กราฟแสดงการเพื่มของประชากรแบบเอ็กโพเนชียล
รู้หรือเปล่า ?
|
ตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อม หมายถึง ปัจจัยจำกัดทางสิ่งแวดล้อมทั้งหมาย เช่น อาหาร ของเสียจากเมแทบอลิซึม การแก่งแย่งแข่งขันของสมาชิก การเป็นผู้ล่าและเยื่อ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้การเพิ่มจำนวนของประชากรลดลง
|
จากกราฟจะเห็นได้ว่าการเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียลจะได้กราฟเป็น รูปตัวเจ (J shape) ซึ่งพบว่าการเพิ่มของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียลมีระยะของการเปลี่ยนแปลงแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะที่มีการเพิ่มของประชากรอย่างช้าๆ (exponential growth phase) เป็นระยะที่ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากในระยะที่มีการเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วนี้ ดูเหมือนว่าประชากรจะเพิ่มอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีปัจจัยใด ๆ มาขัดขวางการเจริญเติบโตได้ลักษณะดังกล่าวนี้เป็น ภาวะเหตุการณ์ทางอุดมคิต (idealized crircumstances) และไม่เป็นจริง ทั้งนี้เพราะในธรรมชาตินั้นจะมี ตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อม (envirpnmental resistance) ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย และความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่มายับยั้งไม่ให้การเพิ่มประชากรเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด ลักษณะดังกล่าวนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ ทอมัส มัลทัส (Thomas Malthus) ซึ่งกราฟที่เขียนจะคล้ายรูปตัวเจในระยะแรก และเมื่อถึงระยะหนึ่งการเพิ่มของประชากรก็จะลดลงอย่างรวดเร็วและมี การเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกัน (irruptive growth) ดังภาพที่ 22-9
.jpg)
ภาพที่ 22-9 กราฟแสดงการเพิ่มของประชากรตามแนวคิดของมัลทัส
รู้หรือเปล่า ?
|
ทอมัส มัลทัส เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้เสนอแนวความคิดของการเพิ่มประชากรมนุษย์ว่า ประชากรมนุษย์มีแนวโน้มในการเพิ่มแบบเรขาคณิต แต่เพิ่มของอาหารสำหรับมนุษย์เป็นแบบเลขคณิตซึ่งพบว่าลักษณะดังกล่าวนี้จะทำให้มนุษย์มีกาคิดค้นหาวิธีการในการเพิ่มผลผลิตทางเกษตร และอุตสาหกรรม เพื่อรองรับกับปัญหาดังกล่าว
|
- การเพิ่มประชากรแบบรูปตัวเจ และตามแนวคิดของมัลทัสมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร - เพราะเหตุใดกราฟการเพิ่มประชากรตามแนวคิดของมัลทัสในช่วงปลายจึงมีลักษณะขึ้นๆ ลงๆ
22.3.2 การเพิ่มของประชากรแบบลอจิสติก การเพิ่มของประชากรแบบลอจิสติก (logistic growth) เป็นการเพิ่มจำนวนประชากรที่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม หรือมีตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างของการเพิ่มประชากรแบบนี้ดังภาพที่ 22-10 ซึ่งเป็นการศึกษาการเพิ่มจำนวนของเซลล์ยีสต์ที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ โดยมีการจำนวนเซลล์ยีสต์ทุก ๆ 2 ชั่วโมง
(2).jpg)
ภาพที่ 22-10 กราฟแสดงการเพิ่มจำนวนของเซลล์ยีสต์แบบลอจิสติก
จากกราฟจะเห็นได้ว่าการเพิ่มประชากรแบบลอจิสติกสามารถเขียนกราฟได้เป็น รูปตัวเอส (S- shape) หรือ กราฟแบบซิกมอยด์ (singmoidal curve) ซึ่งแบ่งระยะต่างๆ ออกได้เป็น 4 ระยะด้วยกัน คือ ระยะที่ 1 : ชั่วโมงที่ 2-6 พบว่าอัตราการเพิ่มประชากรเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากประชากรเริ่มต้นยังมีจำนวนน้อย
ระยะที่ 2 : ชั่วโมงที่ 6-10 พบว่าอัตราเพิ่มประชากรเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากประชากรเริ่มต้น (ก่อนการแบ่งเซลล์เจริญเติบโต แพร่พันธุ์) มีจำนวนมาก ระยะที่ 3 : ชั่วโมงที่ 10-14 พบว่าอัตราการเพิ่มประชากรช้าลง เนื่องจากมีตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ระยะที่ 4 : ชั่วโมงที่ 14-18 พบว่ามีอัตราเพิ่มประชากรค่อนข้างคงที่ เนื่องจากประชากรสามารถปรับตัวต่อต้านทานในสิ่งแวดล้อมได้ จึงมีอัตราเกิดเท่ากับอัตราตาย ในการเพิ่มประชากรแบบลอจิสติกนี้ ตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อมมีผลมากขึ้นต่อการเพิ่มประชากรในระยะที่ 3 และ 4 จึงทำให้มีขีดจำกัดที่ทำให้สภาพแวดล้อมนั้นสามารถเลี้ยงดูประชากรได้ ระดับที่สภาพแวดล้อมสามารถเลี้ยงดูประชากรได้มากที่สุดนี้เรียกว่า แครีอิงคาพาซิตี (carrying capacty) และเมื่อนำกราฟรูปตัวเจและรูปตัวเอสมาเปรียบเทียบกันจะได้ดังภาพที่ 22-11
.jpg)
ภาพที่ 22-11 กราฟเปรียบเทียบการเพิ่มจำนวนประชากรแบบรูปตัวเจและรูปตัวเอส
- ในการเพิ่มของประชากรแบบรูปตัวเอสนี้ ตัวต้านทานในสิ่งแวดล้อมมีบทบาทอย่างไรต่อการเพิ่มของประชากร - ให้นักเรียนยกตัวอย่าง สิ่งมีชีวิตที่มีการเพิ่มของประชากรแบบรูปตัวเอสมาอีกสัก 1-2 ตัวอย่าง
ที่มาของเนื้อหาและรูปภาพ : http://www.vcharkarn.com/lesson/1320
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น